61รายการ

โดยทั่วไปแล้ว นานาเคยมีภาพลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับย่านบันเทิงเป็นหลัก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณนี้ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เช่น O-NES TOWER, JLK Tower และการก่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสสูง 53 ชั้น “Tenth Avenue”
อาคารแห่งนี้มีจุดเด่นเรื่องการเดินทางที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี BTS นานา ทำให้กลายเป็นโครงการที่น่าจับตามองที่สุดแห่งหนึ่ง!
วันนี้ เราขอนำเสนอ O-NES TOWER!
O-NES TOWER (โอเนส ทาวเวอร์) อาคารสำนักงานเกรด A+ บนสุขุมวิท ซอย 6 เปิดให้บริการในปี 2022 โครงการนี้เป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ครั้งแรกของ Thai Obayashi บริษัทในเครือ Obayashi Group และยังเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดของ Obayashi Group อีกด้วย
ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน แม้ในรายละเอียดเล็กน้อย ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงห้องน้ำ โดยใช้อุปกรณ์คุณภาพจากญี่ปุ่น จึงสะท้อนมาตรฐานระดับสากล ปัจจุบันมีผู้เช่ากว่าครึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่น แสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของโครงการ
อีกหนึ่งจุดเด่นคือการออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วม ด้วยแผงกั้นระดับ +2 เมตรจากถนนสุขุมวิท เพื่อให้ระบบอาคารยังคงทำงานได้ แม้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่เช่นที่ผ่านมาในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ อาคารยังเชื่อมต่อ BTS นานา ด้วยสกายวอล์ก ใช้เวลาเดินเพียง 1 นาที สะดวกสบายทั้งการเดินทางและการทำงาน
อาคารนี้ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล LEED และ WELL ในระดับ Gold ตอกย้ำถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของอาคาร อ่านบทความเกี่ยวกับ LEED ได้ที่นี่
O-NES TOWER ตั้งอยู่ในย่านนานา ซึ่งอดีตเคยมีภาพลักษณ์เป็นย่านบันเทิง แต่ปัจจุบันรายล้อมไปด้วยโรงแรมหรู เช่น JW Marriott, Hyatt Regency และคอนโดระดับไฮเอนด์อื่นๆอีกจำนวนมาก โดยนักธุรกิจต่างชาติมักเลือกพักที่โรงแรม Novotel ที่อยู่ด้านหลังอาคาร
นอกจากนี้บริเวณรอบสถานียังมีอาคารสำนักงานสำคัญอื่นๆ อาทิ JLK Tower ฝั่งตรงข้าม และโครงการมิกซ์ยูสสูง 53 ชั้นอย่าง Tenth Avenue ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ภาพลักษณ์ของย่านนี้ค่อยๆเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทำเลอยู่ใจกลางสุขุมวิท จึงอาจมีปัญหาการจราจร แต่การเดินทางด้วย BTS ก็ช่วยลดความไม่สะดวกในจุดนี้ได้
เราจะมาดูเส้นทางการเดินจากสถานี BTS นานาไปยังอาคารนี้ พร้อมรูปภาพประกอบ
จากทางออกที่ 2 ของสถานีนานา จะเห็นสกายวอล์กที่เชื่อมต่อไปยัง O-NES TOWER อยู่ทางซ้ายมือ
แม้ในวันที่ฝนตก ก็สามารถเดินเข้าสู่อาคารได้โดยทันที
อาคารมี เคาน์เตอร์ต้อนรับพร้อมเจ้าหน้าที่และระบบรักษาความปลอดภัย ผู้มาติดต่อเพียงแสดงบัตรประชาชนเพื่อรับบัตรผ่านเข้า ระบบลิฟต์จะอนุญาตให้ขึ้นได้เฉพาะชั้นของบริษัทที่มาติดต่อเท่านั้น จึงมั่นใจได้ในมาตรฐานความปลอดภัย สำหรับพนักงาน สามารถใช้ ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ที่ช่วยให้การเข้าออกสะดวกมากขึ้น
คอลัมน์รูปตัว V ด้านหน้าล็อบบี้ ถูกออกแบบให้สะท้อนโครงสร้างของอาคาร O-NES TOWER ซึ่งใช้ระบบผสม “RC Core Wall + โครงสร้างเหล็ก” โดย RC Core ได้ถูกออกแบบตามมาตรฐานล่าสุดของประเทศไทย เพื่อรับมือกับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคกลางของเมียนมา ส่งผลกระทบต่อหลายอาคารในกรุงเทพฯ ซึ่ง O-NES TOWER ได้รับการยืนยันว่าโครงสร้างปลอดภัย ตอกย้ำถึงความแข็งแรงและการออกแบบที่รองรับแผ่นดินไหว จึงได้รับความสนใจจากบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ BCP (Business Continuity Plan) และการบริหารความเสี่ยง
อีกหนึ่งรายละเอียดที่หาได้ยากในอาคารสำนักงานคือ ห้องกันลม (Windproof Room) บริเวณทางเข้า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบปรับอากาศ ลดการรั่วไหลของฝุ่นและลมภายนอก พร้อมเสริมมาตรการความปลอดภัยของอาคาร
ล็อบบี้ถูกติดตั้ง ระบบทำความเย็นจากพื้น (Underfloor Cooling System) ที่ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ แต่ยังคงรักษาอุณหภูมิที่เย็นสบาย ผู้ใช้งานจะรู้สึกถึงความเย็นจากบริเวณพื้น ซึ่งช่วยลดภาระของระบบปรับอากาศโดยรวมและประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึง “ความพิถีพิถันของ Obayashi Group” ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง
พื้นที่สำนักงานของ O-NES TOWER อยู่ระหว่างชั้น 8–29 แบ่งเป็น โซนล่าง (ชั้น 8–19) และ โซนสูง (ชั้น 19–29) โดยมีชั้น 19 เป็นจุดเปลี่ยนลิฟต์
อาคารติดตั้งลิฟต์โดยสารแยกโซนล่างและโซนสูง โซนละ 8 ตัว รวมทั้งหมด 16 ตัว (ไม่รวมลิฟต์ VIP และลิฟต์สำหรับที่จอดรถ) จึงเพียงพอต่อการใช้งาน และช่วยลดระยะเวลารอของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี
ลิฟต์ให้บริการโดย MITSUBISHI ซึ่งผลิตพิเศษมีความสูงเพดาน 3 เมตร ให้ความรู้สึกกว้าง โปร่งสบาย และไม่อึดอัด
O-NES TOWER มีการจัดสรรยูนิตสำนักงานขนาดต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากอาคารอื่นที่บางครั้งมีเสาอยู่ขวางหรือพื้นที่ใช้สอยที่เสียไป ทำให้รู้สึกคับแคบ แต่ที่นี่ทุกพื้นที่ถูกออกแบบให้กว้าง โปร่ง และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
ความสูงเพดาน 3 เมตร โดยใช้โครงสร้างเหล็ก ทำให้ได้พื้นที่สำนักงานเปิดโล่งไร้เสา สร้างบรรยากาศสบายและกว้างขวาง หน้าต่างติดม่านบังแดดพร้อมเซนเซอร์แสง เมื่อตรวจพบแสงแดดที่แรงเกินไป ม่านจะปิดอัตโนมัติ
เสารอบอาคารใช้ โครงสร้าง CFT (คอนกรีตเสริมเหล็กในท่อเหล็ก) ทำให้เสามีขนาดเล็กกว่าการใช้เสา RC หรือเหล็กทั่วไป ช่วยให้พื้นที่ภายในกว้าง โปร่ง และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ O-NES TOWER คือการติดตั้ง OA Floor ในทุกชั้น ซึ่งหาได้ยากในอาคารสำนักงานทั่วไป
OA Floor คือพื้นสองชั้นที่ซ่อนสายไฟและสายอินเตอร์เน็ตไว้ในช่องระหว่างพื้น ซึ่งมีความสูงของพื้นยกขนาด 15 ซม. ทำให้สำนักงานดูสะอาดเรียบร้อย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เช่นการสะดุดล้ม เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องปรับเปลี่ยนเลย์เอาต์บ่อย 
ระบบเซนเซอร์ตรวจจับคนสำหรับแอร์และไฟอาคารใช้ระบบปรับอากาศแยกโซน ตรวจจับการมีอยู่และทำงานเฉพาะพื้นที่ที่ใช้งานจริง ทำให้ระบบไม่จำเป็นต้องเปิดการช้งานทั้งชั้น ช่วยให้ประหยัดพลังงานและลดต้นทุน ระบบไฟฟ้าติดตั้ง motion sensor ควบคุมพื้นที่ 50 ตร.ม.ต่อหนึ่งหน่วย ช่วยป้องกันการลืมปิดไฟและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
มีการตรวจสอบระดับ PM2.5 ตลอดเวลาและติดตั้งระบบกรองอากาศทั้งพื้นที่ส่วนกลางและสำนักงาน พร้อมการบำรุงรักษาขั้นสูง อาคารทำการตรวจสอบท่อลมและฟิลเตอร์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพอากาศแม้จะอยู่ในกรุงเทพ
กระจกของอาคารเป็น กระจกสองชั้นเคลือบ Low-E และติดตั้งบังแดดแนวนอน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกันแดดโดยไม่บดบังทัศนียภาพ ทำให้สำนักงานมีความโปร่ง สว่าง และคงมาตรฐานคุณภาพแบบญี่ปุ่น
ยูนิตฝั่งทิศเหนือสามารถมองเห็นอาคารตลอดถนนสุขุมวิท ในขณะที่ยูนิตฝั่งทิศใต้สามารถมองเห็นสวนเบญจกิติได้ เนื่องจากรอบๆไม่มีตึกสูงมาบดบัง

โถงทางเดิน สว่าง กว้าง และปูพรม ใช้โทนสีขาวเป็นหลัก สามารถขนย้ายอุปกรณ์ได้
ห้องน้ำสะอาดเหมือนโรงแรม ใช้สุขภัณฑ์ TOTO และโถสุขภัณฑ์มี Washlet แบบญี่ปุ่น ให้ความสะดวกสบาย
แต่ละชั้นมีห้องน้ำอเนกประสงค์ 2 ห้อง
ห้องแพนทรีรวม มีน้ำดื่มจากก๊อกให้บริการ เนื่องจากมีการกรองน้ำในตัว ผู้เช่าจึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งตู้กดน้ำเพิ่ม
พื้นที่สูบบุหรี่ตั้งอยู่ด้านนอกชั้น 1
ที่ชั้น 6 ของ O-NES TOWER มี ห้องประชุม 10 ห้อง หลากหลายขนาดให้บริการ ผู้เช่าสามารถเช่าใช้ได้ในราคาพิเศษ ทั้งแบบอัตราเช่าครึ่งวันหรือเต็มวัน ห้องประชุมขนาดใหญ่สามารถรองรับได้มากสุด 100–150 คน เหมาะสำหรับจัดแถลงข่าวหรืออีเวนต์สำคัญ
นอกจากนี้ชั้น 6 ยังมีพื้นที่ Business Center ประกอบด้วยสำนักงานบริการ (serviced office) ขนาดเล็กถึงกลาง พร้อม เฟอร์นิเจอร์ครบชุด 10 ยูนิต เหมาะสำหรับใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวหรือสำหรับโครงการพิเศษอื่นๆ
ชั้น 5 มีศูนย์อาหารให้บริการรวม 8 ร้าน ครอบคลุมทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทย ราคาย่อมเยาว์ เปิดบริการเวลา 07:00–19:00 พนักงานมักเลือกทานอาหารเช้าที่นี่ แม้ในวันที่ฝนตกก็ไม่จำเป็นต้องออกไปซื้ออาหารนอกอาคาร
ด้านหน้าศูนย์อาหารมีการจัดบูธสินค้าเป็นประจำ ช่วยสร้างบรรยากาศใหม่ๆให้กับพนักงาน
ชั้น 1 มีร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ให้บริการ และมีตู้ ATM อยู่ด้านหน้า
ชั้น 4 มีคาเฟ่และร้านอาหารญี่ปุ่น “Yuna” ภายในมีห้องอาหารส่วนตัว เหมาะสำหรับการรับรองหรือการนัดหมายทางธุรกิจ 
พื้นที่ชั้นดาดฟ้าเป็น Rooftop gardens ผู้เช่าทุกคนสามารถขึ้นไปใช้งานได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถจองใช้งานแบบส่วนตัว จัดงานเลี้ยงบริษัทหลังเลิกงาน พร้อมวงดนตรีหรือบริการจัดเลี้ยงได้อีกด้วย ทำเลที่สามารถชมวิวกลางคืนที่สวยงาม ทำให้งานปาร์ตี้พิเศษยิ่งขึ้น
ที่จอดรถรวม 555 คัน โดยแบ่งเป็น ที่จอดรถทั่วไป 403 คัน และ ที่จอดรถระบบอัตโนมัติ 152 คัน พร้อม ที่ชาร์จรถ EV 4 คัน
ชั้น B1 ถูกออกแบบเป็น โถง Drop-off สำหรับรถยนต์ ต่างจากอาคารทั่วไปที่จุดรับ-ส่งอยู่ตรงหน้าอาคาร
ซึ่งอาคารนี้แยกเส้นทางระหว่างคนเดินและรถเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ แสงธรรมชาติจากสระน้ำชั้นบนส่องลงมาถึงโถง B1 สร้างบรรยากาศหรูหราและโปร่งสบาย
พื้นที่ Drop-off นี้ เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครอีกด้วย
ชั้น B1 มี ลิฟต์ VIP 2 ตัว (1 ตัวสำหรับชั้นล่าง และ 1 ตัวสำหรับชั้นบน) ผู้เช่าจะได้รับบัตรผ่านพิเศษ เพื่อให้ผู้บริหารหรือแขกสำคัญสามารถขึ้นตรงไปยังออฟฟิศได้โดยไม่ต้องผ่านทางเข้าใหญ่
ที่จอดรถระบบอัตโนมัติ ใช้ของ IHI มีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจได้ทั้งความปลอดภัยและความเสถียรในการใช้งาน
และทั้งหมดนี้คือภาพรวมของอาคาร O-NES TOWER (โอเนส ทาวเวอร์)
หากมีคำถามเกี่ยวกับการหาสำนักงานในกรุงเทพฯ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอสังหาฯ ที่ลงประกาศในเว็บไซต์ของเรา ติดต่อเราได้เลยค่ะ
Bhiraj Tower at EmQuartier (ภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์) ออฟฟิศติด BTS พร้อมพงษ์และศูนย์การค้า EmQuartier