58รายการ
โดยทั่วไปแล้ว นานาเคยมีภาพลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับย่านบันเทิงเป็นหลัก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณนี้ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เช่น O-NES TOWER, JLK Tower และการก่อสร้างโครงการมิกซ์ยูสสูง 53 ชั้น “Tenth Avenue”
อาคารแห่งนี้มีจุดเด่นเรื่องการเดินทางที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี BTS นานา ทำให้กลายเป็นโครงการที่น่าจับตามองที่สุดแห่งหนึ่ง!
วันนี้ เราขอนำเสนอ O-NES TOWER!
O-NES TOWER(โอ-เนส ทาวเวอร์) เป็นอาคารสำนักงานเกรด A+ ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท ซอย 6 แล้วเสร็จในปี 2022
อาคารนี้เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่โครงการแรกของ Thai Obayashi ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Obayashi Group และเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าที่ Obayashi Group เป็นเจ้าของทั้งหมด ที่ใหญ่ที่สุด
ในประเทศไทย มักพบว่าการเก็บรายละเอียดงานก่อสร้างไม่ประณีตนัก แต่ที่นี่ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันแม้ในรายละเอียดเล็กน้อย แสดงถึงคุณภาพของ Obayashi Group ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงห้องน้ำ ได้ติดตั้งอุปกรณ์จากบริษัทญี่ปุ่น และปัจจุบันมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เช่าเป็นบริษัทญี่ปุ่น จึงแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือสูง
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบ ป้องกันน้ำท่วม โดยติดตั้งแผงป้องกันระดับ +2 เมตรจากถนนสุขุมวิท เพื่อให้ระบบภายในยังคงทำงานได้ตามปกติ แม้ระดับน้ำจะสูงถึงจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมาในกรุงเทพฯ
เชื่อมต่อกับสถานี BTS นานา ผ่านสกายวอล์ก เดินเพียง 1 นาทีเท่านั้น
อาคารนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล LEED และ WELL (ทั้งสองระดับ Gold) ซึ่งรับประกันคุณภาพของอาคาร
บทความเกี่ยวกับ LEED อยู่ที่นี่
ตั้งอยู่ในย่านนานา ซึ่งเคยมีภาพลักษณ์เป็นย่านบันเทิง แต่ปัจจุบันรอบๆ มีโรงแรมหรูอย่าง JW Marriott, Hyatt Regency และคอนโดหรูจำนวนมาก นักธุรกิจที่เดินทางมาทำงานก็มักเข้าพักที่โรงแรม Novotel ซึ่งอยู่ด้านหลังอาคาร
รอบสถานีมีอาคารสำนักงานรวมถึง JLK Tower ที่ตั้งอยู่ตรงข้าม และโครงการอาคารผสมผสานสูง 53 ชั้น “Tenth Avenue” กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้บรรยากาศของเมืองค่อยๆ เปลี่ยนไป
เนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท จึงอาจมีปัญหาการจราจรติดขัด แต่การใช้รถไฟฟ้า BTS สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้
ต่อไปเราจะมาดูเส้นทางการเดินจากสถานี BTS นานาไปยังอาคารนี้ พร้อมรูปภาพประกอบ!
เมื่อเดินไปทางออก 2 ของสถานีนานา จะเห็นสกายวอล์กที่เชื่อมตรงไปยัง O-NES TOWER อยู่ทางซ้ายมือทันที
แม้ในวันที่ฝนตก ก็สามารถเดินเข้าสู่อาคารได้โดยไม่เปียกฝน!
มีเคาน์เตอร์ต้อนรับพร้อมเจ้าหน้าที่และประตูรักษาความปลอดภัย ผู้มาติดต่อเพียงแสดงบัตรประชาชนที่เคาน์เตอร์ จะได้รับบัตรผ่านเข้าอาคาร ระบบลิฟต์จะอนุญาตให้ขึ้นได้เฉพาะชั้นที่บริษัทผู้ติดต่ออยู่เท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่ามาตรฐานความปลอดภัยสูง
สำหรับพนักงานบริษัทผู้เช่า ยังมีระบบจดจำใบหน้าที่สามารถเปิดประตูได้โดยไม่ต้องใช้บัตรอีกด้วย
คอลัมน์ V ที่อยู่ด้านหน้าล็อบบี้ ออกแบบให้สื่อถึงโครงสร้างของอาคาร O-NES TOWER โดยใช้โครงสร้างแบบผสม “RC Core Wall + โครงสร้างเหล็ก” ซึ่ง RC Core ได้ออกแบบตามมาตรฐานล่าสุดของท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยต่อแผ่นดินไหว
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคกลางของเมียนมา ส่งผลกระทบต่ออาคารหลายแห่งในกรุงเทพฯ
แต่ O-NES TOWER ได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหาด้านโครงสร้าง เนื่องจากใช้โครงสร้างแบบผสม “RC Core Wall + โครงสร้างเหล็ก” ที่ออกแบบให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว
ทำให้ได้รับความสนใจจากบริษัทและบุคคลที่ให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวและ BCP (แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ)
ล็อบบี้แสดงให้เห็นถึง “ความพิถีพิถันสไตล์ Obayashi Group” ตั้งแต่ก้าวแรกจริงๆ!
พื้นที่สำนักงานอยู่ระหว่างชั้น 8 ถึง 29 โดยแบ่งเป็นโซนต่ำ: ชั้น 8–19 และโซนสูง: ชั้น 19–29 (ชั้น 19 เป็นชั้นเปลี่ยนลิฟต์)
ลิฟต์แยกเป็นโซนต่ำและโซนสูง โดยมีโซนละ 8 ตัว รวมทั้งหมด 16 ตัว (ไม่รวมลิฟต์ VIP และลิฟต์สำหรับที่จอดรถ) เพียงพอทำให้แทบไม่ต้องรอ
ลิฟต์เป็นของ MITSUBISHI ผลิตพิเศษ ความสูงเพดาน 3 เมตร ให้ความรู้สึกกว้าง โปร่งสบาย และไม่อึดอัดเลย
มีการจัดสรรยูนิตขนาดต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ในอาคารอื่นๆ บางครั้งรูปทรงอาคารไม่ดี ทำให้ตำแหน่งเสาหรือพื้นที่เสียเปล่ามาก จนรู้สึกคับแคบ แต่ที่ O-NES TOWER ไม่มีปัญหานี้เลย
ความสูงเพดาน 3 เมตร ใช้โครงสร้างเหล็ก ทำให้ได้พื้นที่เปิดโล่งไร้เสา สร้างบรรยากาศสำนักงานที่สบายและกว้างขวาง
หน้าต่างติดตั้ง ม่านบังแดดพร้อมเซนเซอร์แสง เมื่อแดดแรงขึ้น เซนเซอร์จะตรวจจับอัตโนมัติและปิดม่านกันแดด ลดความจำเป็นในการเปิดปิดเองทีละบาน เพิ่มความสะดวกสบาย
เสารอบอาคารใช้โครงสร้าง CFT (คอนกรีตเสริมเหล็กในท่อเหล็ก) ซึ่งทำให้เสามีขนาดเล็กลงมากเมื่อเทียบกับเสา RC หรือเหล็กทั่วไป ช่วยสร้างพื้นที่กว้างและโปร่งมากขึ้น
อีกหนึ่งจุดเด่นคือ การติดตั้ง OA Floor เป็นมาตรฐานในทุกชั้น ซึ่งถือว่าหาได้ยากในประเทศไทย!
OA Floor คือการทำพื้นสองชั้นเพื่อจัดการสายไฟและอุปกรณ์ภายในออฟฟิศอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถซ่อนสายไฟและสายเน็ตไว้ในช่องระหว่างพื้นสองชั้น ลดความไม่เป็นระเบียบและช่วยป้องกันการสะดุดล้ม (ความสูงพื้นยก 15 ซม.)
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงเลย์เอาต์บ่อย
มีระบบปรับอากาศแยกส่วน ตรวจจับการมีคนอยู่ในพื้นที่และเปิดทำงานเฉพาะโซน ไม่จำเป็นต้องเปิดทั้งชั้น ช่วยประหยัดพลังงานและลดต้นทุนได้มาก
ระบบไฟฟ้ามี motion sensor ป้องกันการลืมปิดไฟและช่วยใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (1 ตัวควบคุมต่อพื้นที่ 50 ตร.ม.)
O-NES TOWER ตรวจสอบระดับ PM2.5 ตลอดเวลา และมีระบบกรองอากาศที่เชื่อมต่อทั้งพื้นที่ส่วนกลางและออฟฟิศ รักษามาตรฐานการบำรุงรักษาสูง ตรวจสอบท่อลมและระบบกรองเป็นประจำ ทำให้มั่นใจได้ในเมืองกรุงเทพฯ ที่มักมีปัญหา PM2.5
กระจกใช้กระจกสองชั้นเคลือบ Low-e พร้อมก๊าซอาร์กอนเป็นฉนวน และมีการติดตั้งบังแดดแนวนอน เพิ่มประสิทธิภาพกันแดดและยังรักษาทัศนียภาพได้ดี
สำนักงานนี้จึงเป็นคุณภาพแบบญี่ปุ่นที่สมบูรณ์แบบ
ยูนิตฝั่งทิศเหนือสามารถมองเห็นสกายไลน์ของอาคารตลอดถนนสุขุมวิท
ยูนิตฝั่งทิศใต้เนื่องจากรอบๆ ไม่มีตึกสูงมากนัก จึงสามารถมองเห็นสวนเบญจกิติได้
โถงทางเดินสว่างและกว้าง ปูพรม ใช้โทนสีขาวเป็นหลัก แม้ผู้ใหญ่ 2 คนเดินเคียงข้างกันก็ยังมีพื้นที่เหลือ
ห้องน้ำสะอาดเหมือนโรงแรม ใช้สุขภัณฑ์ TOTO และโถสุขภัณฑ์มี Washlet แบบญี่ปุ่น ให้ความสะดวกสบายระดับสูง
แต่ละชั้นมีห้องน้ำอเนกประสงค์ 2 ห้อง
มีห้องแพนทรีรวมให้ใช้ โดยมีน้ำดื่มจากก๊อก ไม่จำเป็นต้องติดตั้งตู้กดน้ำเพิ่มเอง
พื้นที่สูบบุหรี่ตั้งอยู่ด้านนอกชั้น 1
ที่ชั้น 6 มีห้องประชุม 10 ห้อง หลากหลายขนาด
ผู้เช่าสามารถเช่าใช้ห้องประชุมในราคาพิเศษ (ครึ่งวันหรือเต็มวัน)
ห้องประชุมใหญ่ที่สุดรองรับได้ 100–150 คน เหมาะสำหรับการจัดแถลงข่าวหรืออีเวนต์สำคัญ
ที่ชั้น 6 ยังมีพื้นที่ศูนย์ธุรกิจ (Business Center)
ประกอบด้วยสำนักงานบริการพร้อมเฟอร์นิเจอร์ 10 ยูนิต เหมาะสำหรับใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวของพนักงาน駐在หรือโครงการพิเศษ
ที่ชั้น 5 มีฟู้ดคอร์ทประกอบด้วย 8 ร้าน รวมทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทย
ราคาย่อมเยา เปิดบริการเวลา 07:00–19:00
พนักงานหลายคนเลือกทานอาหารเช้าที่นี่ และในวันฝนตกก็สะดวกเพราะไม่ต้องออกไปซื้ออาหารข้างนอก
ด้านหน้าฟู้ดคอร์ทยังมีตลาดนัดจัดขึ้นเป็นประจำ
ช่วยสร้างบรรยากาศสดใหม่ให้กับพนักงานชาวไทย
ที่ชั้น 1 มีร้าน 7-Eleven ให้บริการ สะดวกมาก และมีตู้ ATM อยู่ด้านหน้าร้าน
ที่ชั้น 4 มีคาเฟ่และร้านอาหารญี่ปุ่น “Yuna”
ภายในมีห้องส่วนตัว เหมาะสำหรับการรับรองหรือนัดหมายทางธุรกิจ
พื้นที่ชั้นดาดฟ้าเป็นรูฟท็อปการ์เดน
ผู้เช่าทุกคนสามารถขึ้นไปใช้งานได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ยังสามารถจองใช้งานแบบส่วนตัว จัดงานเลี้ยงบริษัทหลังเลิกงาน พร้อมวงดนตรีหรือบริการจัดเลี้ยงได้อีกด้วย
ทำเลที่สามารถชมวิวกลางคืนที่สวยงาม ทำให้งานปาร์ตี้พิเศษยิ่งขึ้น
– ที่จอดรถทั้งหมด 555 คัน (รวมที่ชาร์จรถ EV 4 คัน)
– ที่จอดรถทั่วไป 403 คัน + ที่จอดรถระบบอัตโนมัติ 152 คัน
ชั้น B1 ถูกออกแบบเป็นโถง Drop-off สำหรับรถยนต์
ต่างจากอาคารทั่วไปที่มักให้ลงรถที่หน้าอาคาร
O-NES TOWER แยกเส้นทางระหว่างคนเดินกับรถเพื่อความปลอดภัย
อีกทั้งยังออกแบบให้แสงธรรมชาติจากสระน้ำชั้นบนส่องลงมาถึงโถง B1 สร้างบรรยากาศที่หรูหรา
พื้นที่ Drop-off หรูหรานี้ เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครอีกด้วย
ที่ชั้น B1 ยังมีลิฟต์ VIP 2 ตัว (1 สำหรับชั้นล่าง + 1 สำหรับชั้นบน)
ผู้เช่าจะได้รับบัตรผ่านพิเศษ ทำให้ผู้บริหารหรือแขกสำคัญสามารถขึ้นตรงไปยังออฟฟิศโดยไม่ต้องผ่านทางเข้าใหญ่
ที่จอดรถระบบอัตโนมัติใช้ของ IHI ซึ่งมีการบำรุงรักษาอย่างดี
มั่นใจได้ในความปลอดภัยและความเสถียรในการใช้งาน
เป็นการแนะนำ O-NES TOWER (โอ-เนส ทาวเวอร์)!
หากมีคำถามเกี่ยวกับการหาสำนักงานในกรุงเทพฯ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอสังหาฯ ที่ลงประกาศในเว็บไซต์ของเรา ติดต่อเราได้เลยค่ะ
อาคารสำนักงาน "Bhiraj Tower at EmQuartier" เชื่อมตรงกับสถานีรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และตั้งอยู่ติดกับศูนย์การค้า "เอ็มควอเทียร์"
สำนักงานให้เช่าใกล้สถานีอโศก กรุงเทพฯ เดินเพียง 5 นาที ค่าเช่าราคาย่อมเยา คุ้มค่าในด้านต้นทุน “Vasu 1 Building (เดิม: Glas Haus Building)”
อาคารสำนักงานเกรด A “208 Building Wireless Road” ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแต่โอบล้อมด้วยความเขียวขจีและความเงียบสงบ